Get Even More Visitors To Your Blog, Upgrade To A Business Listing >>

รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 ปี 2022

หน้าสารบัญ

Samsung Galaxy Watch 4 มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว ซอฟต์แวร์ที่ชาญฉลาด และเซ็นเซอร์สุขภาพที่โดดเด่นจนทำให้การอัพเกรดครั้งนี้คุ้มค่าคุ้มราคากว่าสมาร์ทวอทช์รุ่นก่อนเสียอีก

Samsung Galaxy Watch 4 รุ่นนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยแต่แตกต่าง (ในทางที่ดี) เพราะหน้าตาของสมาร์ทวอทช์ก็ดูคล้ายกับ Galaxy Watch รุ่นอื่น ๆ เพียงแต่มีการดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ซอฟต์แวร์ทำงานได้ดีเหมือนระบบปฏิบัติการ Tizen เดิม แต่ย้ายไปอยู่บนแพลตฟอร์ม Google Wear OS ใหม่ที่แม่นยำและใช้งานได้จริง

Samsung ถอดรุ่น “Active” ออกไปจากไลน์ผลิตภัณฑ์ล่าสุดแล้วแทนที่ด้วย Galaxy Watch 4 สมาร์ทวอทช์รุ่นเรือธงที่มีดีไซน์แบบสปอร์ต พร้อมกับ Galaxy Watch 4 Classic ที่มีความหรูหรามากกว่าตามแบบฉบับของ Samsung Galaxy Watch 3 ที่วางจำหน่ายไปเมื่อปีที่แล้ว

Galaxy Watch 4 มีเซ็นเซอร์สุขภาพแบบ 3-in-1 คือเซนเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เซนเซอร์สำหรับวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECGC) และเซนเซอร์สำหรับวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย ซึ่งนี่คือสมาร์ทวอทช์รายใหญ่รายแรกที่มีฟีเจอร์วิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย (BIA) เลยทีเดียว ขอเดาว่า Apple Watch 7 ได้เห็นสเป็กนี้คงกำลังเหงื่อตกอยู่แน่ ๆ

และทั้งหมดนี้ทำให้ Galaxy Watch 4 คือสุดยอดสมาร์ทวอทช์สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนของ Samsung อย่างไม่ต้องสงสัย

  • Apple Watch Series 7
  • #1

  • Samsung Galaxy Watch 4
  • #2

  • Fitbit Sense
  • #3

ราคาของ Samsung Galaxy Watch 4 และความพร้อมในการวางจำหน่าย

(ณ เวลาที่ปล่อยตัว)

Galaxy Watch 4 และ Galaxy Watch 4 Classic วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา

โดย Galaxy Watch 4 รุ่นบลูทูธ 40 มม. มาในราคาเริ่มต้นที่ 7,990 บาท Galaxy Watch 4 LTE 40 มม. ในราคา 10,900 บาท Galaxy Watch 4 Classic รุ่นบลูทูธ 42 มม. ในราคาเริ่มต้นที่ 11,900 บาท และ Galaxy Watch 4 Classic LTE 42 มม. ในราคา 13,900 บาท

Samsung Galaxy Watch 4 และ Samsung Galaxy Watch 4 Classic – มีอะไรต่างกันบ้าง

Galaxy Watch 4 Galaxy Watch 4 Classic

ราคาเริ่มต้น : 7,990 บาท  11,900 บาท

ขนาดที่มีให้เลือก : 40 มม. / 44 มม.  42 มม. / 46 มม.

ขนาด : รุ่น 40 มม. : 40.4 x 39.3 x 9.8 มม. ; รุ่น 44 มม. : 44.4 x 43.3 x 9.8 มม.  รุ่น 42 มม. : 41.5 x 41.5 x 11.2 มม. ; รุ่น 46 มม. : 45.5 x 45.5 x 11.0 มม.

น้ำหนัก : รุ่น 40 มม. : 25.79 กรัม รุ่น 44 มม. : 30.05 กรัม  รุ่น 42 มม. : 46.49 กรัม รุ่น 46 มม. : 51.87 กรัม

ความจุแบตเตอร์รี่ : รุ่น 40 มม. : 247mAh ; รุ่น 44 มม. : 361mAh  รุ่น 42 มม. : 247mAh; รุ่น 46 มม. : 361mAh

สี : ดำ, เงิน, พิงค์โกลด์, เขียว  ดำ,เงิน

หรือพูดง่าย ๆ ว่า Galaxy Watch 4 และ Galaxy Watch 4 Classic มีสเป็กภายในที่เหมือนกันเป๊ะ ทั้งซอฟต์แวร์ Wear OS ที่ครอบเอาไว้ด้วย One UI ของ Samsung เซนเซอร์สุขภาพแบบ 3-in-1 ไปจนถึงดีไซน์หน้าปัดที่มีให้เลือกหลากหลาย เรียกว่าประสบการณ์ใช้งานซอฟต์แวร์ของทั้ง 2 รุ่นนี้เหมือนกันหมดทุกอย่าง

เพียงแต่ Samsung Galaxy Watch 4 Classic นั้นโดดเด่นด้วยวัสดุที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น เช่น ตัวเรือนทำจากสแตนเลส สายหนัง และขอบหน้าปัดที่หมุนได้ อธิบายง่าย ๆ ว่ารุ่นนี้ก็เหมือนกับสินค้าในไลน์ ‘Edition’ ของ Apple Watch นั่นเอง เพียงแต่ Galaxy Watch 4 Classic ไม่ได้มีราคาแพงเท่า Apple Watch Edition ที่ตัวเรือนทำจากวัสดุระดับไฮเอนด์อย่างเซรามิกและไททาเนียม และแม้ว่า Galaxy Watch 4 Classic จะราคาสูงกว่ารุ่นมาตรฐานอยู่เกือบ 4,000 บาท แต่ราคาเริ่มต้นของรุ่น Classic ก็ยังถูกกว่าราคาเริ่มต้นของ Apple Watch 6 อยู่ดี

รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – ด้านการดีไซน์

Samsung Galaxy Watch 4 ทั้งสองรุ่นได้รับการออกแบบตัวเรือนใหม่ทำให้รอยต่อระหว่างกรอบไปจนถึงสายนาฬิกาดูกลมกลืนไร้รอยต่อ เม็ดมะยมทั้ง 2 ปุ่มออกแบบมาให้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายื่นออกมาจากด้านข้างตัวเรือน แทนที่จะเป็นเม็ดมะยมแบบกลมเหมือนรุ่นก่อน

แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่โดยรวม Galaxy Watch 4 ยังคงดีไซน์ที่คล้ายคลึงกันกับ Galaxy Watch รุ่นก่อน ๆ โดย Galaxy Watch 4 Classic มาพร้อมขอบหน้าปัดที่หมุนได้ สามารถหมุนเพื่อเลือกหน้าที่จะใช้งาน หรือเลื่อนดูเมนูต่าง ๆ ได้ ตั้งแต่ Samsung Galaxy Watch เปิดตัวกรอบที่หมุนได้มา มันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสมาร์ทวอทช์แบรนด์นี้ไปในทันที เช่นเดียวกันกับ S Pen ของ Galaxy Note

ดังนั้น ถ้าคุณเคยใช้ Galaxy Watch 3 มาบ่อยกว่า Samsung Galaxy Watch Active 2 แล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวในการใช้งานกรอบบน Galaxy Watch 4 อยู่บ้าง แต่ด้วยกลไกนี้ทำให้สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้บางลงกว่าเดิมมาก มันจึงเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัย ไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนาฬิกาแบบเดิม ๆ อย่างแน่นอน

เราใส่มันตั้งแต่ไปยิมยาวไปจนถึงมื้อค่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นที่มีตัวเรือนสีเงินและพิงค์โกลด์ที่เราชอบเป็นพิเศษ (ตามความชอบส่วนตัว) เรายังชอบรุ่นสีเขียวที่เข้ากันได้ดีกับสีของ Samsung Galaxy Z Flip 3 แต่มีให้เลือกในขนาด 44 มม. เท่านั้น ส่วนตัวเราชอบรุ่น 40 มม. ที่สุด เพราะดูแล้วจะเหมาะกับขนาดข้อมือของเรามากกว่า แม้ว่าเพื่อนของเราจะให้ Galaxy Watch 4 Classic ขนาด 46 มม. มาลองใช้แล้วก็ตาม นอกจากนั้น เรายังชอบรูปลักษณ์ของจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นอีกด้วย

รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – ข้อดี-ข้อเสียของระบบปฏิบัติการ Wear OS

ตั้งแต่เคยใช้ Wear OS มา เราคิดว่าซอฟต์แวร์ของ Samsung Galaxy Watch 4 มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด แม้ว่าเราจะเคยโดนสับขาหลอกด้วยสมาร์ทวอทช์ที่ใช้ระบบ Wear OS รุ่นอื่นมาแล้ว (ตอนแรกก็ใช้ได้ดี แต่ซักพักก็เริ่มรวน) แต่ต้องยอมรับว่า Galaxy Watch 4 นั้นลื่นดีไม่มีสะดุด ซอฟต์แวร์ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนระบบ Tizen แต่นั่นก็เป็นเรื่องดี เพราะสามารถปรับตัวมาใช้ระบบใหม่ได้ไม่ยาก สามารถสลับไปมาระหว่างแอปพลิเคชัน เมนู และหน้าการตั้งค่าได้อย่างลงตัว

การหมุนได้ยังคงมีไว้เหมือนในระบบ Tizen แถมด้วย Samsung Pay และ Samsung Health นอกจากนั้นยังมีแอปพลิเคชันคลาวด์ใหม่ของ Google (ซึ่งดู ๆ แล้วหน้าตาเหมือนกับ watchOS มาก แต่เราก็ให้อภัยเพราะใช้งานสะดวกดี) ที่มีโปรแกรมของ Google ให้เลือกใช้มากมาย แม้จะจำกัดโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้อยู่บ้าง เช่น ไม่สามารถใช้งาน Google Assistant ได้ แต่โดยรวมก็ถือว่าดี

นาฬิการุ่นนี้สามารถใช้งาน Google Maps ได้ด้วย ซึ่งการที่สามารถดูแผนที่บนข้อมือได้ไม่ว่าจะเดินอยู่ในเมืองหรือกำลังขับรถอยู่ นั่นทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมาก ทั้งหมดนี้คือฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เราชอบบน Wear OS ใน Samsung Galaxy Watch 4

การที่ Samsung ครอบ Wear OS ไว้ด้วยระบบ One UI ทำให้ Galaxy Watch 4 เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Samsung ซอฟต์แวร์นี้สามารถโอนย้ายการตั้งค่าและเครื่องมือไปมาระหว่างสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอทช์ได้อัตโนมัติ One UI Watch มีคลังหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกใช้มากมาย พร้อมด้วยชุดแก้ไขที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของนักพัฒนา ตัวเลขที่ดูสะดุดตา แอนิเมชันรูปสัตว์ และความสลับซับซ้อนของสีทำให้เรานึกถึง Android 12 ที่เป็นหน้าปัดที่เราเลือกใช้อยู่บ่อย ๆ

รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 – การวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย

Samsung ได้พัฒนาเซ็นเซอร์วัดสุขภาพแบบใหม่สำหรับ Galaxy Watch 4 โดยผสมผสานการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (PPG) เครื่องอ่านคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และการวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกาย (BIA) เข้าด้วยกัน เซ็นเซอร์ 3-in-1 นี้จะอยู่ใกล้กับผิวหนังมากกว่าเซ็นเซอร์สุขภาพของ Galaxy Watch รุ่นก่อนหน้า

การวัด BIA ถือเป็นไม้เด็ดที่สำคัญ มันทำงานคล้ายกับเซนเซอร์ที่พบได้ในเครื่องชั่งอัจฉริยะที่ดีที่สุด โดย BIA จะส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ผ่านร่างกายเพื่อวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ดัชนีมวลกาย (BMI) มวลกล้ามเนื้อ มวลกระดูก เปอร์เซ็นต์น้ำในร่างกาย ฯลฯ การอ่านค่า BIA ทำได้รวดเร็ว เพียงแค่ใช้นิ้วแตะปุ่มเม็ดมะยมเป็นเวลาประมาณ 15 วินาที โดยที่นิ้วของคุณจะต้องไม่แตะโดนผิวหนังที่ข้อมือไปด้วย ซึ่งก็ดูยุ่งยากเล็กน้อย ดังนั้นเราจึงทำคู่มือวิธีการใช้การวัด องค์ประกอบของร่างกายด้วย Samsung Galaxy Watch 4 มาให้ด้วย

เมื่อใช้งานได้ถูกต้อง การวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าการเปลี่ยนอาหารหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของคุณจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง (ที่ไม่ใช่แค่น้ำหนัก) แต่มีเรื่องนึงที่ต้องระวัง คือไม่แนะนำให้ผู้ที่มีเ



This post first appeared on Pro Review, please read the originial post: here

Share the post

รีวิว Samsung Galaxy Watch 4 ปี 2022

×

Subscribe to Pro Review

Get updates delivered right to your inbox!

Thank you for your subscription

×