Get Even More Visitors To Your Blog, Upgrade To A Business Listing >>

รีวิวหนัง A Divergent Series Epilogue

รีวิวหนัง  เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างขึ้นจากวรรณกรรมเยาชน โดย Divergent เป็นบทประพันธ์วรรณกรรมเยาวชนขายดีของ เวโรนิกา รอทห์ (Veronica Roth) ว่าด้วยเรื่องของสังคมและชนชั้น

Divergent หรือในชื่อไทยว่า ‘คนแยกโลก’ เป็นเรื่องราวของสังคมที่ดำเนินโดยบุคคล 5 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้กล้า (Dauntless)

คนกลุ่มนี้ทำหน้าที่ปกป้องรักษาเมือง, กลุ่มผู้ยึดถือความถูกต้อง (Candor) เป็นกลุ่มของทนายและผู้พิพากษา, กลุ่มผู้มีปัญญา (Erudite) ทำหน้าที่เกี่ยวกับข้อมูลและการบริหารจัดการ,

กลุ่มผู้รัักความสงบ (Amity) ทำหน้าที่เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ และกลุ่มผู้เสียสละ (Abnegation) ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่น

แต่ในสังคมแห่งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงบุคคล 5 กลุ่มนี้ที่ทุกคนต่างทำหน้าที่ในกลุ่มของคนเพื่อให้สังคมอยู่ได้ แต่ยังมี ‘คนไร้กลุ่ม’

อยู่ด้วย เปรียบเสมือนผู้ด้อยโอกาสในสังคม และคนที่พวกหนึ่งที่สังคมแห่งนี้ไม่ต้องการ ถ้าหากพบว่าใครเป็นจะต้องถูกกำจัดทิ้งนั่นก็คือ Divergent

ทุกคนจะรู้ว่าตนจะต้องอยู่กลุ่มไหนก็ตอนที่อายุครบ 16 ปี จะมีพิธีการเลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการ ในการทดสอบมี 2 ขั้นตอนคือ

การใช้เซรุ่มหรือสารเคมีบางอย่างเพื่อทดสอบสภาวะจิตใจ และในขั้นสุดท้ายคือให้เจ้าตัวตัดสินใจเอง ปัญหาเกิดขึ้นตรงนี้แหละ เมื่อนางเอกของเรื่องคือ บีทรีซ ไพรเออร์ (Beatrice Prior) ซึ่งรับบทโดย เชย์ลีน

วู้ดลีย์ (Shailene Woodley) ถูกตรวจพบในขั้นตอนแรกว่าเธอเป็น Divegent คือผู้ที่ไม่จัดอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเลย

แม้แต่กลุ่มของพ่อและแม่ของเธอซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้เสียสละ แต่เธอจะอยู่กลุ่มไหนก็ได้ ผู้กล้า ผู้เสียสละ หรือมีปัญญา

การที่ Divergent ต้องถูกำจัดทางฝ่ายบริหารให้เหตุผลว่า บุคคลที่เป็น Divergent มีความคิดที่หลากหลาย ควบคุมได้ยาก เป็นภัยต่อสังคมที่สงบสุข

โชคดีที่ผู้ทำหน้าที่ทดสอบให้กับเธอช่วยเอาไว้ จึงไม่มีใครจับได้ เมื่อถึงเวลาที่เธอต้องตัดสินใจเอง เธอเลือกที่จะอยู่กลุ่มผู้กล้า หลังจากที่เลือกแล้วว่าจะอยู่กลุ่มไหน

หากกลุ่มที่เลือกไม่ใช่กลุ่มเดียวกับครอบครับ ก็จะต้องแยกและไม่ได้อยู่กับครอบครัวอีก ไม่แน่ใจว่าทำไมต้องตั้งกฏกันขนาดนี้ ดูโหดร้ายจัง โดยมีคำกล่าวที่ทุกคนต้องจำให้ขึ้นใจคือ ‘กลุ่มสำคัญกว่าสายเลือด’

บีทรีซ พยายามที่จะทำทุกอย่างให้เธออยู่รอดในกลุ่มของผู้กล้า โดยเธอเปลี่ยนชื่อเป็น ทรีส (Tris) และพยายามฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่นเพื่อให้ผ่านการทดสอบและได้รับการยอมรับในกลุ่ม ที่นี่เอง ทรีส ได้พบกับพระเอกของเรื่องคือ โฟร์ (Four) รับบทโดย ธีโอ เจมส์ (Theo James) ซึ่งเป็นครูฝึกของเขานั่นเอง ตั้งแต่ที่พบกันตอนแรกเขาและเธอดูเหมือนจะถูกชะตากัน และโฟร์ก็คอยช่วยเหลือ ทรีส ในเรื่องต่างๆ มาตลอด แต่ในที่สุด ทรีส ก็ถูกจับได้ว่าเป็น Divergent

หนังมีความยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง (140 นาที) ค่อนข้างยาวทีเดียว โดยรวมแล้วดูได้เรื่อยๆ ไม่ถึงกับเสียความรู้สึก ไม่ถึงกับน่าเบื่อ แต่ก็อาจจะไม่ประทับใจเท่าที่ควร การเล่าเรื่องดูไม่ค่อยต่อเนื่อง เหตุและผลของเนื้อเรื่องยังนำเสนอได้ไม่เฉียบคม ในช่วงของฉากสำคัญๆ ยังดึงอารมณ์ได้ไม่สุด ฉากบู๊ก็ไม่เต็มที่นัก ฉากรักก็ไม่ค่อยซาบซึ้งกินใจ ฉากที่จะต้องลุ้นก็ยังไม่ตื้นเต้นสักเท่าไร

เรื่องนี้หรือจะบอกว่าภาคนี้ก็ได้ เป็นผลงานกำกับของ นีล เบอร์เกอร์ (Neil Burger) ภาคต่อไปหลังจากที่ ทรีส และ โฟร์ หนีรอดจากการจับกุม เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ และ นีลยังกำกับอยู่หรือไม่ แม้ภาคนี้จะไม่ประทับใจเท่าที่ควร แต่ก็จะติดตามในภาคต่อไปอีกแน่นอน

กระแสตอบรับของหนัง Insurgent ซึ่งเป็นหนังภาคต่อของ Divergent ออกมาสองขั้วสองด้าน คนชอบก็ชมไปเลย คนไม่ชอบก็ด่าไปเลย ดังนั้น เราคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็คงเป็นความชอบเฉพาะบุคคลจริงๆ

สำหรับคนที่จะไปดู Insurgent (หรือไปดูมาแล้วก็ตาม) ลองอ่านบล็อก “Divergent: ขยายหนังจากหนังสือ” ของเราประกอบไปด้วยก็ได้ บล็อกนี้อาจจะทำให้เราเข้าใจหรืออินกับตัวละครต่างๆ ในหนังมากขึ้นกว่าไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย แต่ถ้าคุณพอรู้เรื่องที่ว่านั้นเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ก็มาต่อที่เรื่องราวและรีวิว Insurgent กันได้เลย

หมายเหตุ บล็อกนี้เราเขียนในฐานะของคนที่ค่อนข้างชอบหนังและหนังสือแนวดิสโธเปีย (Dystopian) อย่าง The Hunger Games, The Maze Runner, และ Divergent หรือหนังที่ตัวละครเอกเป็นผู้หญิง อย่างที่เราเคยเขียนไว้ในบล็อก “10 Most Influential Women in Dystopian World” ซึ่งอาจจะมีความคิด ความรู้สึก หรือมุมมองต่อหนังที่แตกต่างจากคนบางกลุ่มไปบ้าง ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

BEFORE INSURGENT, THERE IS DIVERGENT
จากที่เราเล่าไว้ในบล็อก “Divergent: ขยายหนังจากหนังสือ” โลกในเรื่อง Divergent อยู่ในกำแพงเมืองชิคาโก้ที่เหมือนจะล่มสลายไปกว่า 200 ปีแล้ว สังคมภายในแบ่งกลุ่มคนออกเป็น 5 กลุ่ม ตาม personality (ไม่นับพวก Factionless) ดังนี้

Abnegation – selflessness – government (ฉายา “Stiffs”)
Dauntless – courage, bravery, toughness, fearlessness – police/soldiers/protectors
Candor – honesty, order – law leaders
Erudite – knowledge, intelligence, curiosity, astuteness – teachers/researchers (ฉายา “Know-it-all’s” และ “Noses”)
Amity – peacefulness, kindness, forgiveness, trust, sufficiency, neutrality – farmers
แต่ใน Choosing Ceremony ปีหลังๆ เด็กๆ มีการย้าย faction มากขึ้นกว่าแต่ก่อน นางเอกของเรา Beatrice หรือ Tris (Shailene Woodley จาก The Fault in Our Stars) สละครอบครัวจากกลุ่ม Abnegation ไปอยู่กลุ่ม Dauntless และ Caleb (Ansel Elgort จาก The Fault in Our Stars) พี่ชายของเธอก็ย้ายไปอยู่กลุ่ม Erudite

โดยในภาคแรกจะเน้นเรื่องราวช่วงที่ Tris ต้องเข้ารับการฝึกและคัดเลือกเป็นสมาชิกของกลุ่ม Dauntless เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเธอก็ได้ทั้งเพื่อนใหม่และศัตรูใหม่เพิ่มขึ้นในชีวิตอีกหลายคน ที่สำคัญ ยังได้เจอและตกหลุมรักกับ mentor หนุ่มสุดฮอตของกลุ่ม ชื่อว่า Tobias หรือ Four (Theo James จาก Underworld) ซึ่งก็ย้ายมาจากกลุ่ม Abnegation เช่นกัน

แต่ปัญหาคือ Tris กับ Four เป็น Divergence ซึ่ง Jeanine (Kate Winslet จาก Titanic) นางมารร้ายแห่ง Erudite เชื่อว่าเป็นภัยต่อระบบสังคม และแท็กทีมกับพวกทรยศในกลุ่ม Dauntless อันได้แก่ Eric (Jai Courtney จาก A Good Day to Die Hard) และ Max (Mekhi Phifer) กำจัดพวก Divergence

ตอนจบของภาคแรกนั้น จบตอนที่ Tris กับ Four พร้อมทั้ง Caleb, Peter (Miles Teller จาก Whiplash) และ Marcus พ่อของ Four (Ray Stevenson) วิ่งหนีการจับกุมของพวก Jeanine และกระโดดขึ้นรถไฟมุ่งหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพวก Amity ผู้ใจดีและรักสันติ

ความเดิมตอนที่แล้ว (DIVERGENT)
รีวิวหนัง  โลกในซีรีส์ Divergent อยู่ในกำแพงเมืองชิคาโก้ที่เหมือนจะล่มสลายไปกว่า 200 ปีแล้ว สังคมภายในแบ่งกลุ่มคนออกเป็น 5 กลุ่ม ตาม personality (ไม่นับพวก Factionless) ดังนี้

Abnegation – selflessness – government (ฉายา “Stiffs”)
Dauntless – courage, bravery, toughness, fearlessness – police/soldiers/protectors
Candor – honesty, order – law leaders
Erudite – knowledge, intelligence, curiosity, astuteness – teachers/researchers (ฉายา “Know-it-all’s” และ “Noses”)
Amity – peacefulness, kindness, forgiveness, trust, sufficiency, neutrality – farmers
ใน Choosing Ceremony นางเอกของเรา Beatrice หรือ Tris (Shailene Woodley จาก The Fault in Our Stars) สละครอบครัวจากกลุ่ม Abnegation ไปอยู่กลุ่ม Dauntless และ Caleb (Ansel Elgort จาก The Fault in Our Stars) พี่ชายของเธอก็ย้ายไปอยู่กลุ่ม Erudite

โดยในภาคแรกจะเป็นช่วงที่ Tris ต้องเข้ารับการฝึกและคัดเลือกเป็นสมาชิกของกลุ่ม Dauntless เป็นส่วนใหญ่ และเธอยังได้เจอและตกหลุมรักกับ mentor หนุ่มสุดฮอต Tobias หรือ Four (Theo James จาก Underworld) ซึ่งก็ย้ายมาจากกลุ่ม Abnegation เช่นกัน

แต่ปัญหาคือ Tris กับ Four เป็น Divergence ซึ่ง Jeanine (Kate Winslet จาก Titanic) นางมารร้ายแห่ง Erudite เชื่อว่าเป็นภัยต่อระบบสังคม และแท็กทีมกับพวกทรยศในกลุ่ม Dauntless อันได้แก่ Eric (Jai Courtney จาก A Good Day to Die Hard) และ Max (Mekhi Phifer) กำจัดพวก Divergence

ตอนจบของภาคแรกนั้น จบตอนที่ Tris กับ Four พร้อมทั้ง Caleb, Peter (Miles Teller จาก Whiplash) และ Marcus พ่อของ Four (Ray Stevenson) วิ่งหนีการจับกุมและกระโดดขึ้นรถไฟมุ่งหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพวก Amity ผู้ใจดีและรักสันติ

ความเดิมตอนที่แล้ว (INSURGENT)
รีวิวหนัง  ถึงแม้ Tris, Four, Caleb, Peter, และ Marcus ได้รับการต้อนรับจาก Johanna หัวหน้ากลุ่ม Amity (Octavia Spencer จาก The Help และ Snowpiercer) และชาวบ้านในกลุ่มเป็นอย่างดี
แต่ Tris ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับที่นี่ และยังคงโทษตัวเองเรื่องการตายของพ่อแม่ (Tony Goldwyn และ
Ashley Judd ตามลำดับ) รวมถึงยังรู้สึกผิดที่ฆ่า Will (Ben Lloyd-Hughes) เพื่อนสนิทของตัวเอง

Jeanine สั่งให้คนออกตามล่า Divergence มาให้หมดแผ่นดิน เพื่อเอามาทำการทดลอง Eric กับ Max มาเจอทีมนางเอกของเราที่ Amity แต่เด็กๆ ก็หนีไปได้ ยกเว้น Marcus ที่เสียสละตัวเองเพื่อลูก กับ Peter ที่หักหลังเพื่อเอาตัวรอด

ทีม Tris, Four, และ Caleb หนีเสือปะจระเข้ไปเจอทีม Factionless และได้เจอกับ Evelyn (Naomi Watts จาก The Impossible และ Birdman) แม่ของเขา ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำของกลุ่ม Factionless

พรรคพวก Dauntless ที่หลงเหลือรอดไปหลบซ่อนอยู่กับกลุ่ม Candor วันต่อมา Tris กับ Four จึงออกเดินทางไปหาเพื่อนๆ แต่ Caleb ขอแยกออกตัวออกไป ที่ Candor ทั้งสองได้เจอเพื่อนๆ อีกครั้ง โดยเฉพาะ Christina (Zoë Kravitz จาก Mad Max), Uriah (Keiynan Lonsdale), และ Tori (Maggie Q)

พวก Eric กับ Max เข้ามาบุก Candor เพื่อตามจับ Divergence เกรดดีๆ ไปทดลองและฆ่า Divergence เกรดต่ำๆ ทิ้ง Tris ซึ่งถูกค้นพบว่าเป็น Divergence ที่สมบูรณ์แบบที่สุด จึงอาสาไปเป็น The SIMs หนูทดลองให้ Jeanine ที่แล็บของ Erudite โดยมีเงื่อนไขว่าพวก Jeanine ต้องหยุดทำร้ายคนบริสุทธิ์ ดูหนังออนไลน์

ระหว่างกระบวนการ Jeanine ถูกฆ่าตาย และ Tris สามารถเปิดกล่องแห่งความลับได้ ทำให้รู้ว่าหลังกำแพงชิคาโก้ยังมีโลกแห่งอนาคตและมวลมนุษยชาติอีกกลุ่มหนึ่งรอพวกเขาอยู่

The post รีวิวหนัง A Divergent Series Epilogue appeared first on SPORTS.



This post first appeared on Local Online Marketing - Generating Visitors, Lead, please read the originial post: here

Share the post

รีวิวหนัง A Divergent Series Epilogue

×

Subscribe to Local Online Marketing - Generating Visitors, Lead

Get updates delivered right to your inbox!

Thank you for your subscription

×