สำหรับ Xbox Series X เรื่องความเอ็กซ์คลูซีฟอาจจะไม่ชนะ แต่เมื่อพูดถึงฟีเจอร์ มันเป็นชุดเกมคอนโซลที่น่าทึ่ง โดยมีไฮไลท์หลายอย่าง เช่น Quick Resume, Smart Delivery และ Xbox Game Pass ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือองค์ประกอบที่สำคัญ สามารถบ่งบอกและสร้างตัวตนใหม่ให้ Xbox ไปได้อีกหลายปี และนำคุณไปสู่ยุคใหม่แห่งวงการเกม ด้วยรูปแบบที่น่าตื่นตาตื่นใจ

Xbox Series X คือเกมคอนโซลรุ่นเรือธงจาก Microsoft โดยเป็นเกมคอนโซลที่ทำมาเพื่อคนรุ่นใหม่ ทำรายได้หลักให้ Microsoft และเป็นคู่แข่งโดยตรงของ PlayStation 5 จาก Sony จากข้อมูลของ Microsoft มันเป็นเกมคอนโซลที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา กลายเป็นมาตรฐานให้เกมคอนโซลในด้านประสบการณ์ใหม่ ๆ

• ดูรีวิว Xbox Series S ของเรา

เราใช้เวลาหลายสัปดาห์ทดลองใช้เกมคอนโซลรุ่นนี้ จนสามารถพูดได้เต็มปากว่า Series X นั้นสุดยอดจริง ๆ มันสามารถโหลดได้อย่างรวดเร็ว ดุดัน มีประสิทธิภาพที่ดี และใช้งานได้ลื่นไหลอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

Microsoft ใช้เวลาหลายปี เพื่อทวงคืนตำแหน่งเจ้าแห่งเกมคอนโซล โดยเริ่มต้นแบบเบา ๆ ด้วยการเปิดตัว Xbox One และตอนนี้ฝันของการคืนตำแหน่งผู้นำใกล้จะเป็นจริง ด้วย Xbox Series X รุ่นนี้ อะไรทำให้มันน่าสนใจ เรามาดูรายละเอียดกันว่าเกมคอนโซลรุ่นนี้มีความพิเศษอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถพิจารณาได้ว่า รุ่นนี้คือตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณแล้วหรือยัง

รีวิว Xbox Series X – การออกแบบและการเชื่อมต่อ

• Xbox Series X ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการพัฒนา ต่อยอดจากรุ่นก่อนครั้งยิ่งใหญ่
• ตัวควบคุมและรูปแบบสียังคงใกล้เคียงกัน
• ตัวเครื่องมีขนาด 301 x 151 x 151 มม. และมีน้ำหนัก 4.46 กก.

ขนาด 301 x 151 x 151 มม. และน้ำหนัก 4.46 กก. Series X จัดว่าค่อนข้างหนัก แต่ก็ให้คุณภาพระดับพรีเมียม แบบที่คุณจะได้เห็นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คุณภาพสูงเท่านั้น คุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบหน้าตาของมัน แต่จะไม่สามารถปฏิเสธงานฝีมือที่ประณีตนี้ได้เลย โดย Microsoft ได้ต่อยอดรุ่นนี้ขึ้นมาจาก Xbox One X แต่เก็บความเก๋าแบบเดิมเอาไว้ จึงทำให้แตกต่างจาก Series S ที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า

ปุ่มเปิดปิดอยู่ที่มุมซ้ายมือ ขณะที่ปุ่ม eject และปุ่มซิงค์จะอยู่ข้าง ๆ ดิสก์ไดรฟ์ มี USB 3.1 พอร์ตเดียวที่ฝั่งตรงข้าม เป็นอีกครั้งที่ Microsoft เลือกทำดีไซน์แนวมินิมอล แต่ยังใช้งานได้ดี และในทุก ๆ งานดีไซน์ของ Series X ก็สะท้อนถึงสไตล์มินิมอลนี้ได้ดี

ด้านที่เหลือนั้นว่างเปล่า มีแค่ปุ่มขนาดเล็ก 4 ปุ่ม ที่รองรับตัวเครื่อง หากวางไว้ที่ด้านข้าง แต่ก็น่าเสียดายที่มันติดรอยนิ้วมือได้ง่าย

ทั้งนี้ควรระวังเรื่องการระบายอากาศ เพราะพัดลมจะอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง หลายคนเลยถกเถียงกันว่าควรจะวางตำแหน่งแบบแนวนอนมากกว่า ส่วนที่ด้านหลังของเครื่อง คุณจะพบพอร์ตในครึ่งล่าง โดยมีจำนวนลดลงจากตระกูล Xbox One อินพุตประกอบด้วยพอร์ต HDMI 2.1, พอร์ต USB 3.1 2 พอร์ต, พอร์ตอีเธอร์เน็ต และสล็อตสำหรับขยายพื้นที่จัดเก็บ

การขยายหน่วยความจำทำได้ผ่านไดรฟ์ SSD ที่ผลิตขึ้นเอง โดย Microsoft ได้ร่วมมือกับ Seagate เพื่อผลิตไดรฟ์ที่ทำงานได้รวดเร็ว ดีไซน์มาเฉพาะเพื่อจัดการกับทุกอย่างให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานร่วมกับ Series X ซึ่งมีราคาแพง และเรายังไม่ได้ทดสอบใช้งานด้วยตัวเอง แต่การใส่และถอดอุปกรณ์ดังกล่าวก็ทำได้ราบรื่นอย่างเหลือเชื่อ

ตัวควบคุมมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ดีขึ้นกว่าอุปกรณ์ต่อพ่วงของ Xbox One จับได้ถนัดมือยิ่งขึ้นด้วยด้ามจับแบบมีพื้นผิวที่ด้านหลังและไก นอกจากนี้ยังมีปุ่มแชร์ ที่ใช้บันทึกช่วงเวลาสำคัญของการเล่นเกมแต่ละครั้งให้ง่ายยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จไฟ จะต้องใช้สาย USB-C ด้วย (ซึ่งเป็นอินพุตมาตรฐานสำหรับตัวควบคุมที่มักใช้กัน) น่าเสียดายที่มันไม่รวมอยู่ในกล่อง

Dolby Atmos และ HDR รอบรับเต็มรูปแบบแล้วบน Xbox Series X โดยสามารถใช้งานได้สวยงามสมบูรณ์แบบในเกมที่มีการปรับปรุงด้านนี้แล้ว ส่วนใหญ่ที่เราได้ทดสอบและดูสวยงามบน Sony X900H LED ของเรา และ HDR อัตโนมัติยังเข้ากันได้กับรุ่นก่อน ๆ ทั้งที่ไม่เคยรองรับได้มาก่อน

โดยรวมแล้ว การออกแบบของ Xbox Series X มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ โดยเฉพาะกับคนที่คุ้นเคยกับการใช้งานเกมคอนโซลรุ่นเดิม ๆ สำหรับเรา เราคิดว่า Microsoft ได้ออกแบบรุ่นนี้ โดยพัฒนามาจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้มั่นใจว่า Series X จะเป็นเกมคอนโซลที่ทรงพลังที่สุด

รีวิว Xbox Series X – ข้อมูลจำเพาะและเทคโนโลยี

• โดดเด่นด้วยซีพียู AMD Zen 2 และพลังประมวลผล 12 teraflops
• NVMe SSD ช่วยให้โหลดเร็ว และ Quick Resume ได้รวดเร็ว
• ประสิทธิภาพการเล่นเกม 120fps และ 4K สูง ด้วยจอแสดงผลที่เหมาะสม

อันดับแรก มาพูดเรื่องโครงสร้างพื้นฐานกันก่อน Xbox Series X ขับเคลื่อนโดย AMD Zen 2 CPU แบบกำหนดเอง 8 คอร์ แต่ละตัวที่ทำงานที่ 3.8 GHz ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไว้สำหรับระบบปฏิบัติการและฟังก์ชันอินเทอร์เฟซของผู้ใช้โดยเฉพาะ แม้ว่ารูปร่างของมันส่วนใหญ่จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจาก Xbox One X มากนัก แต่การใช้ทรัพยากรของรุ่นก่อนเพื่อส่งไปให้ UI ยังมีสะดุดอยู่บ้าง มีปัญหากับระบบนำทางด้วย แม้ว่าจะมีพลังงานให้ใช้เหลือเฟือ แต่จากการใช้งาน Series X ไม่มีปัญหาเหล่านี้เลย

สำหรับ GPU นั้น Microsoft ได้ร่วมมือกับ AMD อีกครั้ง โดยมีการนำโครงสร้าง RDNA 2 มาใช้ในโปรเซสเซอร์กราฟิก ด้วยหน่วยประมวลผลที่น่าประทับใจ 56 ยูนิต มี 3,584 คอร์ มันสามารถเล่นเกมบางเกมได้สูงสุดที่ความละเอียดถึง 4K ที่ 120fps ซึ่งน่าประทับใจเมื่อเทียบกับฮาร์ดแวร์เกมพีซีรุ่นล่าสุด

ในขณะที่ความละเอียดสูงสุดของการเล่นเกมปัจจุบันอยู่ที่ 4K แต่ Xbox Series X นั้นมี HDMI 2.1 ซึ่งในทางเทคนิคแล้วการเล่นเกมที่ 8K ก็สามารถเป็นไปได้ แต่ความละเอียด 8K สามารถใช้ได้กับสื่อในบริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Disney Plus ที่รองรับความละเอียดระดับนี้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้คุณจะต้องมีทีวีหรือจอระดับพรีเมียมด้วย เพื่อให้เห็นการพัฒนาในด้านนี้

ขีดสูงสุดของความละเอียดอยู่ที่ 4K/120fps (แต่ Series X ไม่สามารถเล่นทุกเกมในที่มาตรฐานความละเอียดนี้ได้) ซึ่งประสบการณ์ที่ได้รับจะแตกต่างอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังเข้ากันได้กับรุ่นก่อนหน้า จึงสามารถเล่นเกมหลาย 100 เกม ที่มีใน Xbox, Xbox 360 และ Xbox One ให้ประสิทธิภาพเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีการปรับปรุงด้านภาพในเกมส่วนใหญ่

ทั้งหมดนี้เป็นข้อดีในทุกด้านของรุ่นนี้ ซึ่งก็หมายความว่า Xbox Series X ดีจนจนไม่รู้จะดียังไง จนอาจทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะไม่เลือกซื้อ Series S

รีวิว Xbox Series X – กราฟิกและประสิทธิภาพ

• ปัจจุบัน Xbox Series X ยังไม่มีรุ่นเรือธง
• เวลาในการโหลดหลายแพลตฟอร์มมีประสิทธิภาพสูงกว่า PS5 อย่างมาก
• Quick Resume เป็นฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถสลับไปมาระหว่างหลายเกมได้ทันที

ไม่ว่าจะได้รับการอัปเดตเพื่อรองรับกับเกมคอนโซลหรือไม่ก็ตาม Xbox Series X ก็สามารถลดเวลาที่ใช้ในการโหลดเกมลงได้อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความละเอียดและประสิทธิภาพไปได้พร้อม ๆ กัน กราฟด้านล่างนี้แสดงเวลาในการดาวน์โหลดจากหัวข้อหลักเพื่อเข้าสู่การเล่นเกมโดยตรง

ความเข้ากันได้กับรุ่นก่อนหน้าจะติดขัดอยู่บ้าง หากเรื่องนั้น ๆ ไม่ได้รับการอัปเดตเพื่อเปิดใช้งาน สำหรับ Xbox One X จะสะดุดพอสมควร แม้ว่าการเล่นจะราบรื่นและน่าพึงพอใจ แต่เรื่องภาพที่มองเห็นได้จะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เกมอย่าง Watch Dogs 2 นั้นจะมีปัญหามาก เนื่องจากมันต้องทำงานบนเทคโนโลยีที่ใช้ฮาร์ดแวร์ Xbox One แบบดั้งเดิม

สำหรับเกมที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับ Xbox Series X ในรีวิวนี้เราได้ทดลองเล่นเกมตามรายชื่อด้านล่างนี้:

• Gears 5
• Tetris Connected
• Yakuza: Like a Dragon
• The Touryst
• Watch Dogs Legion
• Gears Tactics
• Ori and the Will of the Wisps
• Forza Horizon 4

เกมที่ทำรายได้หลักเกมหนึ่งเลย คือ Yakuza: Like a Dragon เกมซีรีส์นี้เป็นตัวหลักของ PlayStation มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง แต่ตอนนี้ได้เข้าสู่ครอบครัวของ Microsoft แล้ว

เกมแนว RPG สามารถเล่นได้ 2 โหมด โหมดแรกจะเน้นที่ประสิทธิภาพ และอีกโหมดจะเน้นเรื่องภาพให้ดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน คุณสามารถดูภาพเปรียบเทียบหน้าจอทั้ง 2 โหมด ที่ด้านล่างนี้

เนื่องจากเป็นเกม RPG แบบผลัดกันเล่น การเล่นส่วนใหญ่ของเราจึงเล่นที่ 4K/30fps เราพอใจกับความละเอียดที่ต่ำกว่า เพราะทำให้เมืองที่มีเสน่ห์อย่าง Yokohama และ Kamurocho สามารถเปล่งประกายได้จริง ๆ แต่ถ้าคุณต้องการเล่นด้วยความละเอียดที่ 60fps และ 1440p ก็ยังทำได้ นับเป็นครั้งแรกที่สามารถบรรลุเกณฑ์มาตรฐานบนคอนโซล

ใน Series X เก็บรายละเอียดเงาสะท้อนของไฟถนนที่แอ่งน้ำได้ ซึ่งรุ่นก่อนหน้านี้ไม่เคยทำได้มาก่อน และความละเอียดที่เพิ่มขึ้นนี้ยังช่วยให้ตัวละครและอาคารต่าง ๆ ดูโดดเด่น เส้นหยักและรูปแตกนั้นลดลงมากในทั้ง 2 โหมด แสดงให้เห็นว่า Series X ได้พยายามอย่างหนัก เพื่อทำให้เกม Yakuza เปล่งประกาย

Xbox Series X – ประสบการณ์ผู้ใช้

• อินเทอร์เฟซผู้ใช้เร็วขึ้นและใช้งานง่ายขึ้น แต่หน้าตาโดยรวมยังเหมือนเดิม
• Quick Resume และ Instant-on power ทำให้การนำทางเป็นเรื่องง่ายขึ้น
• การบันทึกภาพหน้าจอและวิดีโอทำได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก

อินเทอร์เฟซผู้ใช้งานของ Xbox Series X เหมือนกับรุ่นก่อนแทบจะทุกอย่าง แต่ด้วยประสิทธิภาพที่มากขึ้นของรุ่นนี้ทำให้ทุกอย่างราบรื่น ประติดประต่อกันได้น่าพอใจมาก คุณสามารถสลับไปมาระหว่างเมนูและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ภายในไม่กี่วินาที แทนที่จะต้องรอโหลดเหมือนอย่าง Xbox One ดังนั้นถ้าได้ลองใช้รุ่นนี้