Get Even More Visitors To Your Blog, Upgrade To A Business Listing >>

รีวิว Xbox Series S ฉบับปี 2022

หน้าสารบัญ

Xbox Series S เกมคอนโซลขนาดเล็กที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ

Xbox Series S เป็นหนึ่งในคอนโซลที่ดูแปลกตามากที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมาในรอบหลายปี เป็นรุ่นที่ราคาไม่แพงและมีประสิทธิภาพน้อยกว่า Xbox Series X ที่เป็นรุ่นยอดนิยม และทำรายได้หลักให้ Microsoft สำหรับ Xbox Series S รุ่นนี้เป็นหนึ่งในเกมคอนโซลของ Xbox ที่เราคาดหวังว่าจะได้เห็นแน่ ๆ ในช่วงนี้ (เหมือนกันกับของเจ้าอื่น อย่างเช่น Wii Mini หรือ PS2 Slim) และนี่คือเกมคอนโซลเครื่องสีขาวเพรียวบางที่เปิดตัวในวันเดียวกันกับรุ่นพี่เครื่องใหญ่กว่า

ด้วยราคา 9,800 บาท ทำให้ Xbox Series S ราคาสบายกระเป๋ากว่า ตัดสินใจควักเงินซื้อได้ง่ายกว่าการซื้อ Xbox Series X ในราคา 16,200 บาท แต่ราคาไม่ใช่เรื่องเดียวที่ทำให้ Xbox Series S คุ้มค่าคุ้มราคา ซึ่งเราจะมาดูกันว่า Xbox Series S จะคุ้มค่าเงินของคุณหรือไม่ และที่สำคัญกว่านั้น จะยังคุ้มค่าคุ้มราคาได้ยาวนานตลอดอายุขัยของมันหรือไม่?

  • X Box Series X
  • #1

  • X Box Series S
  • #2

  • Playstation 5
  • #3

แม้เราจะไม่ใช่หมอดู ทำนายอนาคตไม่ได้ แต่เมื่อเรานำ Series S ไปใช้งาน เราได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน และพบข้อดีหลายอย่าง แม้มันไม่ได้ทรงพลังเท่า Xbox Series X เมื่อเทียบกับ Series X เราพบว่าฮาร์ดแวร์ของมันทำงานได้จำกัด ประสิทธิภาพน้อยกว่า พื้นที่เก็บข้อมูลน้อยกว่า การเชื่อมต่อและเรื่องมีเดียต่าง ๆ ยังด้อยกว่า แต่มันก็เป็นเกมคอนโซลที่ทรงพลัง พร้อมเกมมากมายให้เลือกสรร นี่ยังไม่นับเรื่องที่สามารถสตรีมมิ่งได้อย่างง่ายดาย และไม่เกะกะกินพื้นที่บ้านของคุณอีกด้วย

เราแนะนำให้คนที่คิดจะซื้อ Xbox Series S คิดว่า การซื้อครั้งนี้เป็นการลองซื้อมาใช้ในฐานะเกมคอนโซลสำหรับผู้เริ่มต้น ไม่ใช่การซื้อเครื่องเดียวครั้งเดียวแล้วจบ ไม่ต้องซื้อใหม่อีกแล้วในชีวิตนี้ แล้วคุณจะประหลาดใจกับความสามารถของมัน แม้จะไม่ใช่เกมคอนโซลที่ทรงพลังที่สุดในตลาด (ถ้าอยากได้ของแรง ๆ อาจจะต้องมองหาพีซีสำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดสักเครื่องมากกว่า) แต่แกดเจ็ตเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์เครื่องนี้มีหลายสิ่งให้คุณเลือกใช้งาน ได้เวลาอ่านรีวิว Xbox Series S ของเราแล้ว

รีวิว Xbox Series S: ราคาและความพร้อมในการจัดจำหน่าย

Xbox Series S พร้อมให้เป็นเจ้าของได้แล้วตอนนี้ ราคาปัจจุบัน ณ เวลาที่เราเขียนรีวิวนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 9,700 บาท และเมื่อเทียบกับสต็อกของ Xbox Series X เราพบว่า Xbox Series S แม้จะทรงพลังน้อยกว่ากลับมีสต็อกมากกว่า หาซื้อได้ง่ายกว่า

คุณยังสามารถเช่า Xbox Series S ได้โดยตรงกับ Microsoft ผ่านโปรแกรม Xbox All Access โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 810 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 24 เดือน และสามารถสมัครสมาชิก Xbox Game Pass Ultimate ที่ด้านบนของคอนโซลได้ ทั้งนี้การเช่าคอนโซลก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ถ้าคุณลองคำนวนราคาสุทธิ มันจะถูกกว่าการซื้อ Xbox Series S และ Game Pass Ultimate 24 เดือน อยู่เล็กน้อย

  • PS5 Digital Edition ปะทะ Xbox Series S: เกมคอนโซลตัวไหนที่ใช่สำหรับคุณ?

รีวิว Xbox Series S: อินเทอร์เฟซ

หากคุณเคยใช้อินเทอร์เฟซของ Xbox One มาก่อน คุณจะคุ้นเคยกับการใช้งาน Xbox Series S ได้ในทันที เพราะมันคล้ายกันมาก แม้ว่า Microsoft เพิ่งจะอัปเดตหน้าร้าน Xbox ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่อินเทอร์เฟซก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เมื่อคุณเปิดเครื่องคอนโซลขึ้นมา คุณจะยังคงเห็นหน้าจอหลักพร้อมเกมและกิจกรรมล่าสุดทั้งหมดของคุณ เมื่อเลื่อนลงจะยังคงเห็นตัวเลือกของ Store, Media และ Game Pass เมื่อกดปุ่ม Xbox บนคอนโทรลเลอร์ คุณจะสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ของเกมและแอป ดูไลบรารีทั้งหมดของคุณ ดูการแจ้งเตือนของระบบ จัดการรายชื่อเพื่อนของคุณ ดูความสำเร็จของคุณ จัดการการตั้งค่า และอื่น ๆ ได้

บอกตามตรงเรื่องอินเทอร์เฟซเราไม่มีอะไรอธิบายมากนัก เพราะเท่าที่เราใช้งาน Xbox Series S อย่างละเอียด เรารู้สึกคุ้นเคยสุด ๆ เหมือนเคยใช้งานมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น แม้ไม่ใช่อินเทอร์เฟซที่สวยงามเป็นพิเศษ แต่มันสามารถพาคุณไปยังที่ที่คุณต้องการได้ ใช้เวลาไม่นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเคยใช้ Xbox One มาแล้ว  คุณจะสามารถเข้าใจอินเทอร์เฟซของ Series S ได้อย่างลึกซึ้งทันที ซึ่งเป็นข้อดีอย่างมาก

แม้อินเทอร์เฟซของ Xbox Series S จะไม่ได้หน้าตาสวยงาม แต่มันกฌถูกชดเชยด้วยประโยชน์การใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพิจารณาจำนวนเกมที่คุณสามารถเข้าถึงได้ผ่าน Xbox Game Pass บนเกมคอนโซล (เช่นเดียวกับพีซีและอุปกรณ์มือถือ)

รีวิว Xbox Series S: พอร์ต

เช่นเดียวกับ Xbox Series X รุ่นนี้มีพอร์ตที่เรียบง่าย โดยด้านหน้ามีพอร์ต USB-A พร้อมด้วยปุ่มเปิดปิดและปุ่มจับคู่ และเนื่องจาก Series S ไม่มีดิสก์ไดรฟ์ แผงด้านหน้าส่วนที่เหลือจึงเป็นเพียงพื้นที่ว่าง ที่ด้านหลังมีพอร์ต USB-A อีก 2 พอร์ต  คือ พอร์ต HDMI พอร์ต Ethernet และพอร์ตจ่ายไฟ ก่อนหน้านี้เราเดาว่าพอร์ต Ethernet จะหายไปสักครึ่งหนึ่ง เพราะมันเป็นแกดเจ็ตราคาประหยัด ดังนั้นเราเลยดีใจที่ Microsoft ให้พอร์ตทั้งหลายมาเหมือนเดิม

ข้อเสียที่เราไม่ชอบ ก็เหมือนกับของ Xbox Series X คือ มันไม่มีพอร์ต USB-C เพราะการซื้อเกมคอนโซลสักเครื่องนึง เราก็หวังว่าจะใช้งานมันได้นาน 5-7 ปี ดังนั้นสำหรับเราการไม่มีพอร์ต USB-C จัดว่าพลาดอย่างมาก เพราะ USB-C จะช่วยให้การชาร์จและถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ยังไม่ต้องพูดถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับเล่นเกมใหม่ ๆ ที่มักใช้ USB-C dongles ด้วย แม้ว่า USB-A จะยังคงใช้งานในตอนนี้ได้อยู่ แต่การไม่มีพอร์ต USB-C ถือว่าพลาดอย่างมาก

รีวิว Xbox Series S: การออกแบบ

เมื่อเรานำ Xbox Series S ออกจากกล่องครั้งแรก มันเล็กจนเรายังตกใจ เกมคอนโซลเครื่องนี้มีขนาด 10.8 x 5.9 x 2.6 นิ้ว จึงมีขนาดเล็กกว่า PS5, PS4, Xbox Series X หรือ Xbox One อย่างมาก (ขนาดใกล้เคียงกับ Wii U แต่สามารถเล่นเกมได้มากกว่า)

งานออกแบบตัวเครื่องส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว ยกเว้นช่องระบายอากาศทรงกลมสีดำที่ด้านบน ซึ่งตัดกันอย่างลงตัว มียางรองขาบนพื้นผิวแนวนอนและแนวตั้ง และมีการระบายอากาศที่ดี ไม่ว่าคุณจะปรับมันไปในทิศทางไหน

แม้ว่า “ขนาดที่เล็กมาก” อาจไม่ใช่จุดขายหลักของมัน แต่เราก็แปลกใจที่ขนาดของ Series S แตกต่างจากรุ่นอื่นมาก ดังนั้นแม้คุณมีจะอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอันแน่นเต็มบ้านอยู่แล้ว ก็ยังสามารถหาพื้นที่เล็ก ๆ เพื่อวาง Series S รุ่นนี้ได้แน่นอน

เมื่อเราทดลองใช้ Series S เสร็จแล้ว เรายังได้ย้ายมันไปไว้ในห้องนอนด้วย โดยสามารถวางไว้ระหว่างชั้นวางทีวีกับขอบโต๊ะเครื่องแป้ง (ที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องสำอาง) ได้สบาย เพื่อนของเราที่เคยปฏิเสธไม่ให้เอาเกมคอนโซลมาวางไว้ในห้องนอน เพราะขนาดที่มหึมาของพวกมันก็ยังโอเค ยอมให้เอา Series S มาวางในห้องนอนได้แล้ว

รีวิว Xbox Series S: ประสิทธิภาพ

Xbox Series S ไม่ได้ทรงพลังเท่า Xbox Series X หากคุณคุ้นเคยกับรายละเอียดฮาร์ดแวร์ของเกมคอนโซลทั้ง 2 รุ่น ก็จะเข้าใจว่าทำไม ซึ่ง Series X มี GPU ที่มีเอาต์พุตสูงสุด 12 teraflops, RAM 16 GB, ที่เก็บข้อมูล SSD 1 TB และดิสก์ไดรฟ์ 4K Blu-ray ส่วน Series S มี GPU ที่มีเอาต์พุตสูงสุด 4 teraflops, RAM 10 GB, ที่เก็บข้อมูล SSD 512 GB และไม่มีดิสก์ไดรฟ์เลย

เกมใน Xbox Series X ส่วนใหญ่จะทำงานที่ความละเอียด 4K และ 60 เฟรมต่อวินาที แม้ว่าบางเกมจะรองรับความละเอียดสูงสุด 8K และอัตราเฟรมสูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที ส่วน Xbox Series S มีความละเอียดสูงสุดสำหรับการเล่นเกมที่ 1440p ส่วนความละเอียดที่ 120 fps ก็เป็นไปได้ในทางเทคนิค

ในระหว่างการทดสอบเกม โดยทั่วไปแล้ว Xbox Series X นำเสนอภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ระยะการวาดที่ดีขึ้น และพื้นผิวมีรายละเอียดมากขึ้นเล็กน้อย นั่นเป็นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวที่เราสังเกตเห็น แม้ว่าจะตั้งใจดูมาก ๆ แล้วก็ตาม

ใน Gears 5 ของ Series S ไม่ได้แสดงรายละเอียดในห้องมืดแบบที่ Series X ทำได้ แต่ใน open levels มันยังสามารถแสดงตัวละคร พื้นหลัง และไอเทมได้อย่างสวยงาม เช่น ในเกม Yakuza: Like a Dragon ภาพที่ได้จาก Xbox Series X จะคมชัดและมีสีสัน เห็นรายละเอียดของป้ายโฆษณาบนถนนเส้นกลางของ Yokohama ส่วนโมเดลตัวละครมีรูปร่างและมีรายละเอียดสมบูรณ์เหมือนใน Series S —  และที่สำคัญอัตราเฟรมของทั้งสองรุ่นไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากการชะลอตัวเลย

ความแตกต่างที่เราเห็นได้ชัดที่สุดก็คือ Maneater ซึ่ง Series X มีสีที่ละเอียดและสมบูรณ์มากกว่าในภาพใต้น้ำ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น เพราะเราได้ลองเล่นเกมทั้ง 2 รุ่นเพื่อดูความแตกต่างแล้ว พบว่าโดยทั่วไปแล้ว Series S จะขยายคอนเทนท์ให้เป็น 4K ได้อย่างสวยงาม และหากคุณมีจอแสดงผล 1440p อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องขยายขนาดเลย

Xbox Series X ยังโหลดเนื้อหาเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มากเท่าที่เราคาดไว้ ในทั้ง 4 เกมที่เราทดสอบ เราวัดเวลาในการโหลดเป็นวินาทีแทนที่จะเป็นนาที แม้จะเริ่มจากหน้าจอหลักไปยังไฟล์บันทึกโดยตรง โดยเวลาที่ใช้โหลดนั้นเร็วจนไม่สามารถหยิบโทรศัพท์ออกมาจับเวลาได้ทัน ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะโหลดหน้าจอไตเติ้ลของ Gears 5 ใน Series S แต่ใน Series X ก็ไม่ได้โหลดเร็วอย่างที่เราคาดไว้เช่นกัน

ข้อเสียเพียง



This post first appeared on Pro Review, please read the originial post: here

Share the post

รีวิว Xbox Series S ฉบับปี 2022

×

Subscribe to Pro Review

Get updates delivered right to your inbox!

Thank you for your subscription

×